ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
มันเป็นเรื่องเล่าของนักเขียนคนหนึ่ง
แสงจาง ๆ ปรากฏให้เห็นทางทิศตะวันออก
สรรพสิ่งเริ่มเคลื่อนไหวเมื่อยามเช้ามาถึง- -พร้อม ๆ ดวงตะวันที่ฉายแสงแรงกล้าขึ้น แสงยามเช้าแว่วมาจากรายรอบ
เสียงนกร่ำร้องเพรียกขานกันอยู่รอบ ๆ
กลิ่นหอมสดใสกรุ่นกำจายอยู่ในอากาศ เป็นกลิ่นของดินที่พลิกฟื้นตื่นจากนิทราอันยาวนาน
เสียงลมวูบไหวผ่านยอดไม้เรื่อยรินคล้ายเสียงคลื่นแห่งทะเล แดดละมุนอุ่นสบาย
สายลมอุ่นพัดผ่านมาแผ่ว ๆ
ผมตื่นนอนตั้งแต่เช้าออกมานั่งจิบกาแฟเคล้าไอน้ำค้างอยู่หน้าระเบียงบ้าน ผมมักจะนั่งอยู่ตรงนี้ครั้งละนาน
ๆ นั่งอยู่ได้โดยไม่รู้เบื่อ เพราะลมมันเย็น ปลอดโปร่ง มองไปทางไหนก็ร่มรื่น
สบายตา ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแสนกว้างใหญ่ ท้องฟ้าใสกะจ่าง มีเมฆก้อนเล็ก ๆ
สีขาวลอยเอื่อย ๆ อยู่กลางฟ้า เมฆสีขาวระบายท้องฟ้าให้แลดูสดใสและไม่เหงาจนเกินไป
บรรยากาศยามเช้าเยี่ยงนี้- -ทำให้อารมณ์ของผมกระชุ่มกระชวย
ผมรู้สึกแจ่มใสและความคิดที่อึมครึมก็เริ่มแจ่มกระจ่างมากขึ้น
หลังจากแม่ตายตามพ่อไป- - เมื่อสามปีก่อน ผมก็แทบจะไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดอีกเลย
บ้านหลังเก่าของพ่อแม่ถูกปรับแต่งและก่อสร้างต่อเติมจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม
ที่ดินและมรดกตกทอดถูกจัดสรรแบ่งส่วนให้กับลูก ๆ
ทั้งสามคนเสร็จตั้งแต่พ่อกับแม่ยังมีชีวิตอยู่ พี่ชายที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นและพี่สะใภ้ที่ทำงานเป็นครูสอนหนังสือ-
-ยึดบ้านเกิดเป็นฐานที่มั่น ทำมาหากินและสร้างครอบครัว
น้องสาวทำงานเป็นพยาบาลขายต่อส่วนแบ่งของตัวเองให้กับพี่ชาย หลังแต่งงานออกเรือน-
-ย้ายตามน้องเขยที่รับราชการตำรวจไปลงหลักปักฐานในจังหวัดแถบฝั่งทะเลอันดามัน
ผมปล่อยให้พี่ชายเป็นคนจัดการดูแลผลประโยชน์ในส่วนแบ่งของตัวเอง
ซึ่งมีทั้งที่ดินแบ่งเช่า ที่นา สวนยางพาราและผลไม้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ลงแรง
ปลูกหว่านแต่ดอกผลและตัวเลขในบัญชีธนาคารของผมก็เพิ่มพูนและมีให้เก็บกิน- -ใช้สอยได้อย่างคล่องมือ
“พรรคพวกเขาทำรีสอร์ตเห็นเข้าท่าก็เลยขอแบบเอามาสร้าง” พี่ชายพูดบอกเมื่อพาผมเดินชมจนถ้วนทั่ว
เรือนไม้หลังนี้พี่ชายปลูกสร้างขึ้น หลังผมบอกแจ้งว่ากำลังคิดที่จะกลับมาพักอยู่บ้านเกิดสักระยะ
เพื่อทำงานเขียนหนังสือ
ผมหยุดคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้น
เมื่อมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งขับมาจอดที่ตรงบันไดหน้าระเบียง
“ว่าจะชวนออกไปนั่งที่ร้านกาแฟ” เขาพูด
หลังดับเครื่องแล้วเหวี่ยงตัวลงมายืนบิดตัวอย่างเมื่อยล้า
ชะเง้อหน้ามองเหรอหราขึ้นมา ผมวางถ้วยกาแฟที่ทำท่าว่าจะยกขึ้นจิบลงข้าง ๆ ตัว
“อีกสักถ้วยก็ไม่เห็นเป็นไร” ผมพูดบอก
เขามองหน้าก่อนยิ้มหัวอย่างอารมณ์ดี หลังจากนั้นไม่นาน
เขาก็ขับมอเตอร์ไซด์พาผมนั่งซ้อนท้ายมุ่งตรงไปยังร้านกาแฟประจำหมู่บ้าน
“ร้านกาแฟหรูยี่ห้อกัง คนมักชอบเข้าไปซุกตัวตามมุมสงบ
ไม่ชอบเสวนาแต่ชอบจับตามอง ผิดกับร้านกาแฟประจำหมู่บ้านที่เปรียบได้กับสถานีข่าว
ทั้งข่าวฝาก ข่าวปล่อย ข่าวลือและบทวิเคราะห์
ทุกเช้าร้านกาแฟจึงกลายเป็นเวทีสาธารณะในการถกปัญหา วิวาทะอย่างออกรส
บางคราวมันกว่าปลาท่องโก๋ บางทีก็อาจขมกว่ากาแฟ
จึงหาได้เป็นเรื่องแปลกที่บางคนถึงชอบไปร้านกาแฟทั้งที่ได้ชอบดื่มกาแฟ”
ผมคิดนึกถึงเรื่องนี้-
-หลังนั่งลง แล้วทอดสายตามองไปรอบ ๆ ร้านกาแฟแห่งนี้เหมาะสำหรับคนที่นาน
ๆ จะได้กลับมาบ้านสักครั้งเหมือนอย่างผม
ข่าวคราวความเป็นไปของผู้คนในหมู่บ้านจะถูกถ่ายทอดบอกเล่าที่แห่งนี้
เหมือนอย่างเมื่อได้เดินทางออกไปท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างจังหวัด
กิจกรรมหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของผมคือการตื่นนอนตอนเช้าแล้วเตร็ดเตร่ออกไปนั่งตามร้านกาแฟของท้องถิ่นนั้น
ผมพยายามที่จะค้นหาและจ้องมองผู้คนอย่างสำรวจ ทุก ๆ
รายละเอียดยิบย่อยที่ผ่านเข้ามาในสายตา
สิ่งที่ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือภาษาของผู้คน
ด้วยเหตุว่าการที่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดเท่ากับได้รับรู้สิ่งที่พวกเขาคิด
ผมเก็บเกี่ยวสิ่งเหล่านั้นมาเป็นวัตถุดิบในการทำงานวรรณกรรมของตัวเอง
เพียงช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ผมก็สังเกตเห็นว่าถนนทางเข้าหมู่บ้าน
มีทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซด์ขับเข้าออกตลอดเวลา เป็นจำนวนนับรวมกันแล้ว- -เกินกว่าสิบคัน มันคงเป็นจริงเหมือนกับที่เขาพุดกันว่ายานพาหนะและเครื่องมือสื่อสารนับได้ว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตของคนเราในยุคปัจจุบัน
เท่าที่เห็นโทรศัพท์มือถือที่แต่ละคนหยิบขึ้นมาใช้ก็เป็นรุ่นและยี่ห้อดัง
ก้าวล้ำกว่ารุ่นที่ผมใช้อยู่เป็นไหน ๆ
อีกทั้งเมื่อมองไปยังมอเตอร์ไซด์และรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้าน
ก็พอที่จะสรุปได้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างในต่างก็ขับมาคนละคัน
ทั้ง ๆ
ที่ไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตา แต่ทุกคนก็คิดนึกขึ้นมาได้เมื่อเขาแนะนำว่าผมเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
วีรกรรมมากมายที่เคยก่อเอาไว้เมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นและใช้ชีวิตอยู่ในแถบถิ่นนี้ต่างก็เป็นที่โจษขาน
“ผู้คนในหมู่บ้านเกิดการแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย และที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น
มันเหมือนกับว่ามีขบวนการจัดตั้งที่คอยสนับสนุนและก่อกวน
สร้างกระแสให้เกิดความแบ่งแยกและขัดแย้งรุนแรงเพิ่มขึ้น”
เขาวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ
ผมวางมือจากหางช้อนที่จับกวนวนอยู่ในถ้วยกาแฟ เหลือบตามองพาดหัวข่าว- -เพียงแวบหนึ่ง
“ใครเชื่ออย่างไรก็ย่อมวาดความเชื่อของตนให้ผู้อื่นคล้อยตามอย่างนั้น”
ผมพูดเปรย
เขามองหน้ายิ้มเจื่อน
ๆ ถอนหายใจเฮือกสั้น ๆ ก่อนล้วงกางเกงดึงเอาบางอย่างออกมาวางลงบนโต๊ะ
เมื่อมองดูจึงรู้ว่าเป็นใบกระท่อม
“ขอแบ่งสักใบได้มั้ยวะ” คนที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ
หันมาพูดด้วย เขายิ้ม พยักหน้า ก่อนยื่นส่งให้
“ตอนนี้มันกลายเป็นของหายากไปเสียแล้ว” เขาพูดพลางรูดใบกระท่อมยัดเข้าปาก
เคี้ยวหยับ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยกกาแฟขึ้นจิบ เขากับผมสนิทสนม
เรียนหนังสือและเติบโตมาด้วยกัน เขาเป็นเด็กกำพร้าที่หลวงลุง- -เจ้าอาวาสวัดประจำหมู่บ้านรับมาอุปการะตั้งแต่เด็ก ๆ
หลวงลุงเป็นพี่ชายของพ่อโกนหัวบวชหน้าไฟอุทิศบุญกุศลให้กับย่าตั้งแต่หนุ่ม ๆ
แล้วไม่ยอมสึก ผมเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่บางคนบอกว่าเขาเป็นลูกของหลวงลุงเมื่อครั้งยังใช้ชีวิตสำเริงสำราญ-
-ตามอย่างฆราวาส
แต่ถึงกระนั้นผมก็หาได้ไต่ถามเรื่องราวเหล่านี้จากพ่อแม่หรือใครอื่นเลย
ทั้งนี้เขาเองก็ถือชื่อสกุลเดียวกับครอบครัวของผม
ที่ดินที่เขาถือครองและทำมาหากินก็อยู่ชิดติดกัน เขาเป็นคนช่างคิด
และบางครั้งเรื่องที่คิดก็ฟังดูอันตรายพอสมควร เพราะคบหากันมานาน
ผมจึงรู้จักนิสัยใจคอของเขาเป็นอย่างดี
“...วิกฤตที่ประเทศกำลังเผชิญ เป็นวิกฤตเชิงโครงสร้าง
ฝ่ายบริหารมักแอบอ้างความชอบธรรมจากการเลือกตั้งเข้าไปแทรกแซงและทำลายกลไกการตรวจสอบถ่วงดุล
หลายปีที่ผ่านมาประเทศมีระบอบประชาธิปไตยเพียงแต่ในนาม ทั้ง ๆ ที่โดยแท้จริงแล้ว
อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ทุกวัน ทุกเวลา
ไม่ใช่เฉพาะวันหย่อนบัตรเลือกตั้งเท่านั้น...”
เสียงดังแว่วมาจากเครื่องรับโทรทัศน์ที่ตั้งบนชั้นโชว์สินค้า
สถานีโทรทัศน์ช่องนี้ถ่ายทอดสดการชุมนุมของกลุ่มคนที่เรียกขานตัวเองว่า ‘มวลมหาประชาชน’ ติดต่อกันนานร่วนเดือนแล้ว
นอกจากพื้นที่ในเมืองหลวงแล้ว
ต่างจังหวัดหลายที่หลายแห่งก็มีการจัดเวทีชุมนุมคู่ขนานกันไป
เมื่อมีการเคลื่อนขบวนหรือยกระดับการชุมนุมเพื่อกดดันรัฐบาล ‘มวลมหาประชาชน’ จากต่างจังหวัดก็รวมพลพากันเดินทางขึ้นไปสมทบที่เมืองหลวง
“หลายต่อหลายครั้งที่รัฐบาลชุดนี้ดำเนินนโยบายที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
ทั้ง ๆ ที่มีเสียงโต้แย้งและกล่าวเตือนแต่ก็ยังเพิกเฉย”
“ถึงอย่างไรเขาก็เป็นตัวแทนของเสียงข้างมากที่มาจากการเลือกตั้ง”
“แต่การให้ความสำคัญและฟังเสียงข้างน้อยก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำ”
“มีแต่ขัดขวาง ไม่ยอมเปิดรับความคิดใหม่ ๆ หรือวิธีการที่สร้างสรรค์
สังคมทุกวันนี้จึงเต็มไปด้วยความขัดแย้ง”
“จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่รู้เลยว่าใครคือคู่ขัดแย้งที่แท้จริง”
“อดีตนายกฯ ที่ใช้ชีวิตร่อนเร่อยู่ต่างประเทศ
ยังมีบทบาทและอำนาจบารมีครอบงำความคิดของนักการเมืองในฝากฝั่งของรัฐบาล
ยังแคลงใจอยู่เหมือนกันว่าตามกฎหมายแล้วสถานภาพของเขาเป็นอยู่อย่างไร”
เท่าที่นั่งสังเกตและฟังประเด็นต่าง
ๆ ที่คนในร้านพูดคุยโต้แย้งกัน ก็พอที่จะรู้ได้ว่าแต่ละคนต่างก็มีกลุ่มสังกัด
“ไม่รู้เมื่อไหร่จะแพ้ชนะกันเสียที ล่องขึ้นล่องลงจนไม่ได้ทำมาหากินกันแล้ว”
เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นมา-
-เสียงดัง ๆ
“ไม่ชนะไม่เลิก” เสียงอีกคนหนึ่งพูดต่อท้าย
“คนที่ได้ผลประโยชน์อย่างชัดเจนคงเป็นเจ้าของโรงงานนกหวีดและพวกที่ผลิตสินค้าที่ระลึกซึ่งวางขายในพื้นที่ชุมนุม”
เจ้าของร้านที่พึ่งวางมือจากการงาน เอ่ยปากพูดขึ้นมาบ้าง
เมื่อได้ยินได้ฟังถ้อยคำนั้น
ผมก็พลันคิดนึกถึงบางอย่างขึ้นมา
“สัญลักษณ์นับเป็นเครื่องมือในการสื่อหรือบอกออกไปให้คนอื่นได้รับรู้ว่ากลุ่มของเราคิดอย่างไรหรือว่าต้องการอะไรผ่านสัญลักษณ์ที่สร้างขึ้นมา
ซึ่งอาจจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมก็ได้ เพื่อใช้ในการสื่อความหมายหรือแนวคิดให้คนในกลุ่มเข้าใจไปในทางเดียวกัน”
เพื่อนสนิทพูดบอก- -เมื่อวันที่มาส่งผมขึ้นรถทัวร์เดินทางกลับบ้านเกิด
“อย่างมือตบก็เป็นที่รู้เข้าใจกันว่าเป็นการแสดงความยินดี ความพึงพอใจ
แต่เมื่อนำมาใช้ในทางการเมือง ไม่ใช่ความหมายในเรื่องของการตบมือเพื่อแสดงความยินดีแล้ว
แต่เป็นสัญลักษณ์ให้เห็นว่ากลุ่มคนที่เข้าร่วมถ้ามีสัญลักษณ์อย่างนี้บ่งบอกว่าคนคนนั้นเป็นกลุ่มเดียวกันกับเรา”
เพื่อนสนิทยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม-
-หลังพูดจบ
“เมื่อมือตบเกิดขึ้นเท้าตบก็ตามมาเกี่ยวข้องเป็นสัญลักษณ์ซึ่งบ่งบอกว่าฉันไม่ใช่พวกเดียวกันกับมือตบ”
ผมพูดขึ้นมาบ้าง เพื่อนสนิทหันมามองหน้าแล้วยิ้ม
ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นชักชวนให้ดื่ม
“แต่เมื่อนกหวีดถูกนำมาใช้ในทางการเมือง
ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายใหม่เกิดขึ้นซึ่งหมายความถึงการขับไล่” ผมพูด หลังดื่มเบียร์อึกใหญ่กลืนลงคอ
“สิ่งสำคัญอยู่ที่ความหมายไม่ได้อยู่ที่ตัวสัญลักษณ์ที่ใช้ซึ่งแล้วแต่ว่าจะใส่ความหมายในแง่ใด
ไม่ได้อยู่ที่มือตบ ไม่ได้อยู่ที่นกหวีด ธงชาติ หรือสีเสื้อต่าง ๆ
แต่อยู่ที่ความหมายที่ใส่เข้าไปให้กับสัญลักษณ์นั้น ๆ เพราะสัญลักษณ์ถูกกำหนดโดยมนุษย์ซึ่งจะใส่ความหมายให้ทะเลาะกันหรือจะให้ดีกันก็ได้”
เพื่อนสนิทอธิบายความ นั่งคุยแลกเปลี่ยน พร้อม ๆ
กับจิบเบียร์ได้ไม่ทันครบครึ่งโหล รถทัวร์เที่ยวโดยสารของผมก็เข้ามาจอดเทียบท่า
“คืนนี้ หลวงพ่อมีกิจนิมนต์ในตัวเมือง
ว่าจะชวนติดรถแวะไปดูม็อบที่ศาลากลางด้วยกัน” เขาออกปากชวน
หลังนั่งเงียบอยู่นาน ผมพยักหน้าตอบรับ
เมื่อหลวงพ่อมีกิจนิมนต์เขาเป็นคนทำหน้าที่ขับรถรับส่ง- -อยู่เป็นประจำ
“...ถ้าผู้คนทั้งหลายขาดซึ่งศีลธรรมอันดีงาม
แต่ยังอวดอ้างยึดถือประชาธิปไตย มันก็มีโอกาสที่จะใช้กิเลสของตนอย่างเสรี
และแต่ละคนก็จะมีเสรีภาพที่จะใช้กิเลสของตนอย่างเต็มที่ เมื่อประชาชนไม่มีศีลธรรม
มันก็พากันโกง มันก็พากันเลือกผู้แทนโกง ผู้แทนโกงทั้งหลายไปประกอบกันเป็นรัฐสภา
ก็เป็นรัฐสภาโกง รัฐสภาโกงไปตั้งคณะรัฐบาล ก็เป็นคณะรัฐบาลโกง
เจ้าหน้าที่ทุกคนก็เป็นคนโกง โกงกันทั้งบ้านทั้งเมือง...”
ผมนั่งฟังบทธรรมบรรยายของ
‘ท่านพุทธทาสภิกขุ’ ที่หลวงลุงบอกให้เปิด
หลังรถขับเคลื่อนออกจากประตูวัด
ทุกเช้าหลวงลุงจะเปิดธรรมบรรยายผ่าเครื่องขยายเสียงของหอกระจายข่าว
บางคราวผมรู้สึกตัวตื่นและนอนฟัง- -จนผล็อยหลับไปอีกครั้ง บางครั้งก็ลุกจากเตียงจัดแจงชงกาแฟแล้วออกมานั่งฟังที่ตรงระเบียงบ้าน
“นอกจากจะตกเป็นเหยื่อของสิ่งลวงล่อต่าง ๆ แล้ว
คนเราก็ยังตกเป็นเชลยของกิเลสตัณหาที่ไม่สิ้นสุดของตัวเอง
ซึ่งบางครั้งก็ทำให้กล้าแม้กระทั่งการละเมิดต่อกฎหมายเก่าแก่และคุณงามความดีที่เป็นวัตรปฏิบัติกันมาช้านาน
อย่าไปพูดถึงข้อกฎหมายตั้งร้อยแปดพันเก้าที่บัญญัติขึ้นมาเลย
เพราะเพียงแค่ศีลห้าข้อ คนบางคนก็ยังประพฤติปฏิบัติกันไม่ได้
แล้วจะเอาอะไรกันหนักหนา” หลวงลุงกล่าววิสัชนาธรรม- -ในระหว่างทางที่นั่งอยู่ในรถ เมื่อถึงที่หมาย เขาบอกกับหลวงลุงว่าขอแวะไปดูบรรยากาศการชุมนุม
หลวงลุงพยักหน้ารับทราบ พร้อมนัดหมายเวลา เขาเดินตามไปส่งหลวงลุงที่ศาลาตั้งศพ
ปล่อยให้ผมยืนรออยู่ที่รถ
“สังคมปัจจุบันเต็มไปด้วยการแข่งขันช่วงชิง
บันไดแห่งความสำเร็จมีผู้คนมากมายป่ายปีนเพื่อแย่งกันจับจอง
และดูเหมือนว่าไม่ค่อยจะมีใครคำนึงถึงวิธีการที่ใช้ว่าถูกหรือผิด
ความกดดันจึงแผ่ซ่านไปทั่ว” แล้วจู่ ๆ
ผมก็คิดถึงคำพูดของหญิงสาวเพื่อนสนิทขึ้นมา
“จะเอายังไงต่อ” หญิงสาวถามสั้น ๆ
“ว่าจะหาที่เงียบ ๆ เขียนงานที่ค้างให้เสร็จเสียที” ผมตอบ
“การเมืองสร้างบาดแผลแต่ศิลปะจะทำหน้าที่เยียวยา” หญิงสาวพูดปลอบ
รายการโทรทัศน์ที่ผมเป็นหนึ่งในทีมงานเพิ่งถูกปลดออกจากผังรายการของสถานี
หลังเนื้อหาบางส่วนของรายการสารคดีเชิงข่าวที่ออกอากาศส่งผลกระทบต่อเครือข่ายธุรกิจของนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่ง
“คนที่ใช้ชีวิตหรูหราและฟุ่มเฟือยออกมารณรงค์ให้ผู้มีรายได้อัตคัดใช้ชีวิตแบบประหยัดมัธยัสถ์
กลุ่มคนผู้รู้เห็นและมีส่วนร่วมพัวพันอยู่กับการค้ายาเสพติดออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ประชาชนผู้ที่ลูกหลานเสี่ยงต่อการติดยาเสพติดช่วยกันต่อต้านขบวนการค้ายาเสพติด
ผู้มีธาตุแท้เป็นเผด็จการออกมาชุมนุมประท้วงให้ประชาชนผู้ใช้วิถีชีวิตประชาธิปไตยช่วยกันสร้างสังคมประชาธิปไตย”
ถ้อยคำของผู้อาวุโสที่เคารพนับถือคนหนึ่ง
แวบผ่านเข้ามาในห้วงคิด สายลมเย็นพัดโชยมาอ่อน ๆ
ผมสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่กำลังแผ่เข้ามา ท้องฟ้าที่เตยปลอดโปร่งกลับดำทะมึน
เมฆครึ้ม- -ปกคลุมจนทั่วท้องฟ้า เสียงฟ้าร้องครืน ๆ
ส่องแสงแวบวาบ ลมแรงวูบใหญ่พัดผ่ามา ยืนอยู่ตรงนั้น- -เพียงครู่
ผมก็เปิดประตูรถหย่อนตัวเข้าไปนั่งลงเบาะ
ผมทอดสายตามองไปยังถังขยะใบใหญ่ที่ล้มกลิ้งอยู่ข้างเสาไฟฟ้า- -เมื่อมองเห็นบางสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น หนูตัวโตเกือบเท่า ๆ กับแมว-
-สองสามตัวกำลังคุ้ยเขี่ยหาเศษอาหาร
หมาโซตัวหนึ่งลากสังขารเดินผ่านมา มันหยุดหันซ้ายหันขวา ก่อนจะเลียบ ๆ เคียง ๆ
เข้าไปใกล้ ๆ หนูตัวโตแตกฝูงวิ่งมุดลงท่อระบายน้ำริมฟุตบาท ขนใต้ท้องสีขาวสะท้อนกับแสงไฟริมทาง
ฝูงแมลงสาบแพร่พรูขึ้นมาจากท่อระบายน้ำ หมาโซตัวนั้นเดินเข้าไปคุ้ยถังขยะแทนที่
แต่เพียงครู่เดียวหมาโซก็ส่งเสียงร้องหงิง ๆ วิ่งผลุบหลบเข้าใต้ท้องรถ
ผมชะเง้อหน้ามอง
หมาตัวใหญ่ท่าทางดุดันและฝูงสมุนอีกสามตัวยืนส่งเสียงคำรนคำรามอยู่ตรงนั้น และแล้วถังขยะใบใหญ่เปลี่ยนผู้ครอบครองอีกครั้ง
ผมเอนหลังพิงพนักเบาะ พร้อม ๆ กับครุ่นคิด- -สรรพสิ่งในธรรมชาติกำลังทำสงครามกัน
ระหว่างสิ่งมีชีวิตด้วยกันหรือสิ่งมีชีวิตกับสภาพแวดล้อมของธรรมชาติ
ทั้งการไล่ล่าเป็นอาหาร การแข่งขันและการเกาะกินแบบกาฝาก
เสียงร้องหงิง ๆ
ของหมาโซตัวนั้นดังแว่วมา ผมสูดลมหายใจเฮือกสั้น ๆ- -เงี่ยหูฟัง แม้ว่าจะปิดประตูและขึ้นกระจกมิดชิดแล้ว แต่เสียงร้องหงิง ๆ
ของหมาโซตัวนั้น
ก็ดังแว่วเข้าหูให้ได้ยินอย่างชัดเจนเหมือนกับว่าผมโผล่หัวเข้าไปนั่งฟังอยู่ใกล้ ๆ
ผ่านไปไม่นานนัก
เขาก็เดินกลับมายืนอยู่ข้าง ๆ รถ แล้วล้วงกระเป๋าหน้าอกเสื้อเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบ
ผมนั่งมองโดยไม่ได้เปิดประตูออกจากรถ เขายืนสูบบุหรี่พ่นควันสีขาวออกหม่น ๆ
ออกมาเป็นทางยาว ควันบุหรี่ลอยเลื่อนพลิ้วไหวฉวัดเฉวียนเหมือนงูที่กำลังเลื้อยงก
อย่างระแวดระวังศัตรู ผมค่อย ๆ เอนหลังพิงพนักเบาะ
นั่งมองควันบุหรี่ที่ลอยสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่จะเลือนหายไปในอากาศ
ยืนสูบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ทิ้งบุหรี่ลงบนพื้นแล้วขยี้ดับด้วยเท้า
“เจ้าภาพขอฟังการถ่ายทอดคำปราศรัยของแกนนำให้แล้วเสร็จก่อนที่จะเริ่มพิธีสงฆ์”
เขาพูดบอก หลังเปิดประตูเข้ามานั่งหลังพวงมาลัย- -เสียบกุญแจแล้วติดเครื่องยนต์ หมาโซที่ผลุบอยู่ใต้ท้องรถวิ่งผลุนผลันออกมา
ฝูงหมาที่รุมล้อมอยู่ตรงกองขยะ หันมามอง
ก่อนยกพวกวิ่งไล่ตามหมาโซตัวนั้นหายเข้าไปในความมืด
เขาเอะอะโวยวายก่นด่าหมาตัวนั้นเสียงหลง ผมถอนหายใจอย่างละห้อยละเหี่ย
เขาหันมามองอย่างสงสัย ก่อนขับรถเคลื่อนออกไป...
อ้างอิง : ปิติ
ระวังวงศ์. คอลัมน์เรื่องสั้น เรื่องไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
มันเป็นเรื่องเล่าของนักเขียนคนหนึ่ง.
เนชั่นสุดสัปดาห์.
๒๓ (๑๑๖๐). หน้า ๔๖-๔๗.
ตีความเรื่องสั้นการเมือง
เรื่องไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง มันเป็นเรื่องเล่าของนักเขียนคนหนึ่ง
เรื่องย่อ
เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เดินทางกลับมายังบ้านเกิด
ซึ่งมีพี่ชายเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และน้องสาวเป็นพยาบาล
เขาได้ซ้อนมอเตอร์ไซด์เพื่อนที่เป็นลูกชายของหลวงลุงไปยังร้านกาแฟประจำหมู่บ้านที่เปรียบได้กับสถานีข่าว
ทั้งข่าวฝาก ข่าวปล่อย ข่าวลือและบทวิเคราะห์
เขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในหมู่บ้านที่มีทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซด์
ตลอดจนโทรศัพท์มือถือที่ทันสมัย คอยรับฟัง
รวมทั้งแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยที่เป็นของประชาชน ทุกวัน
ทุกเวลา ไม่ใช่เฉพาะวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง วิกฤติที่ประเทศกำลังเผชิญ สัญลักษณ์ทางการเมือง
ทั้งมือตบที่หมายถึงคนกลุ่มเดียวกัน
เท้าตบที่หมายถึงคนที่ไม่ใช่กลุ่มเดียวกันกับมือตบ นกหวีดที่หมายถึงการขับไล่ จากนั้นเขาและเพื่อนก็เดินทางไปในตัวเมืองเนื่องจากติดตามหลวงพ่อที่มีกิจนิมนต์
ได้รับฟังบทธรรมบรรยายของท่านพุทธทาสภิกขุผ่านเครื่องกระจายเสียงของหอกระจายข่าวว่าด้วยเรื่องการขาดศีลธรรมของผู้คน
แต่ยังอวดอ้างยึดถือประชาธิปไตย ก็มีโอกาสที่จะใช้กิเลสของตนอย่างเสรี
และแต่ละคนก็จะมีเสรีภาพที่จะใช้กิเลสของตนอย่างเต็มที่ เมื่อประชาชนไม่มีศีลธรรม
ก็พากันโกง ก็พากันเลือกผู้แทนโกง ผู้แทนโกงทั้งหลายไปประกอบกันเป็นรัฐสภา
ก็เป็นรัฐสภาโกง รัฐสภาโกงไปตั้งคณะรัฐบาล ก็เป็นคณะรัฐบาลโกง
เจ้าหน้าที่ทุกคนก็เป็นคนโกง โกงกันทั้งบ้านทั้งเมือง สังคมปัจจุบันเต็มไปด้วยการแข่งขันช่วงชิง
บันไดแห่งความสำเร็จมีผู้คนมากมายป่ายปีนเพื่อแย่งกันจับจอง
และดูเหมือนว่าไม่ค่อยจะมีใครคำนึงถึงวิธีการที่ใช้ว่าถูกหรือผิด
ความกดดันจึงแผ่ซ่านไปทั่ว
และเขาครุ่นคิดได้ว่าสรรพสิ่งในธรรมชาติกำลังทำสงครามกัน
ระหว่างสิ่งมีชีวิตด้วยกันหรือสิ่งมีชีวิตกับสภาพแวดล้อมของธรรมชาติ
ทั้งการไล่ล่าเป็นอาหาร การแข่งขันและการเกาะกินแบบกาฝากจากการเห็นหนู แมว สุนัข
แมลงสาบที่แย่งกันคุ้ยถังขยะเพื่อหาอาหาร แล้วเขาจึงเดินทางกลับบ้าน
ตีความและอภิปราย
การขาดศีลธรรมของผู้คน
ทำให้เกิดการแข่งขันช่วงชิงเพื่อความสำเร็จของตนโดยไม่คำนึงถึงวิธีการว่าถูกหรือผิด
ทำให้ใช้กิเลสของตนอย่างเสรี ส่งผลให้ทุกคนเป็นคนโกง โกงทั้งบ้านทั้งเมือง ดังนั้นผู้คนจึงควรมีศีลธรรมอันดีงาม
จะได้ประสบความสำเร็จในทางที่ถูกที่ควร เลือกผู้นำที่ดีมาบริหารบ้านเมือง
ทำให้ตนเองมีความสุข บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น